มีใครชอบเล่นอะไรที่เสี่ยงดวงไหม Modular Consulting มีเกมเพื่อคนชอบเสี่ยงดวงมาให้เล่นกัน โดยสมมติสถานการณ์ว่าคุณต้องซื้อลอตเตอรี่ 1 ใบจากทั้งหมด 10 ใบ ซึ่งโอกาสเป็นผู้ชนะในเกมส์นี้คือ 10%
เกมนี้จะมีสถานการณ์ให้คุณเลือกซื้อลอตเตอรี่ทั้งหมด 2 ทางด้วยกัน
กรณีที่ 1 มีคนซื้อลอตเตอรี่ทั้งหมด 10 คน รวมตัวคุณด้วย โดยแต่ละคนจะได้สิทธิ์ในการซื้อลอตเตอรี่คนละ 1 ใบ
กรณีที่ 2 ในตัวเลือกนี้จะมีคนซื้อลอตเตอรี่แค่ 2 คน ในจำนวนนั้นคือตัวคุณและคนแปลกหน้าอีกหนึ่งคน แต่คุณได้ซื้อลอตเตอรี่แค่ 1 ใบ ในขณะที่คนแปลกหน้าคนนั้นได้สิทธิ์ในการซื้อ 9 ใบ
คุณคิดว่าคุณอยากจะซื้อลอตเตอรี่ในกรณีไหนมากกว่า?
ในเกมนี้คนส่วนใหญ่จะเลือกกรณีที่ 1 มากกว่ากรณีหลัง โดยพวกเขาให้เหตุผลว่าในกรณีแรกทุกคนมีสิทธิ์ในการแพ้ชนะเท่า ๆ กัน แต่ในกรณีที่ 2 เราเห็นได้ชัด ๆ ว่าใครน่าจะมีโอกาสชนะมากกว่าเลยไม่อยากเล่น
แต่หากมาลองดูผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับ ”ตัวเรา” แล้ว จะเห็นว่าทั้งสองกรณีก็มีความน่าจะเป็นในการชนะไม่ต่างกัน คือ 1 ใน 10 หรือ 10% จากลอตเตอรี่ทั้งหมดที่เราสามารถเลือกได้
ทั้งหมดนี้คือผลการทดลอง “Errors in Odds” โดย Daniel Gilbert นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย Harvard เขาเป็นผู้เขียนหนังสือ Stumbling on Happiness
Gilbert ได้สรุปผลทดลองนี้ว่าเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ใช้แสดงให้เห็นถึงข้อผิดพลาดในการตัดสินใจ ที่มักจะใช้อารมณ์แทนที่จะใช้ความน่าจะเป็น
เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้อาจมีคำถามว่าสถานการณ์ตัวอย่างข้างต้นนี้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันอย่างไร? เราจะขอไปที่แบบฝึกหัดอย่างที่ 2
โจทย์นี้หลาย ๆ คนอาจมีความคุ้นเคย นั่นคือแบบฝึกหัดเติมคำลงในช่องว่างนั่นเอง
“ทำโปรเจค XXX ไม่ได้หรอกครับ มีคนเก่งกว่าผมอีกเยอะ”
“คนสมัครงานที่ XXX ที่โปรไฟล์ดีกว่าผมเยอะแยะ ผมจะสมัครไปแข่งทำไม”
“อยากลองทำอาชีพ XXX ดู แต่ตลาดตอนนี้ดูแข่งกันเยอะมาก หนูพึ่งเริ่มไม่รู้จะไปสู้กับคนอื่นเค้ายังไง”
“สมัครฟิตเนสที่ XXX เพราะอยากจะลดน้ำหนัก แต่ที่ฟิตเนสมีแต่คนหุ่นเฟิร์ม ๆ มองดูหุ่นคนอื่นก็รู้สึกท้อแล้ว”
สถานการณ์ 4 แบบนี้คือเคสจริงจากลูกค้าที่เข้ามาปรึกษาปัญหากับทาง Modular Consulting ซึ่งจะเห็นว่าตัวอย่างทั้งหมดที่ยกขึ้นมานั้นเป็นเหมือนกรณีที่ 2 ของโจทย์ลอตเตอรี่ข้างบนคือ “ไม่อยากลอง หรือไม่กล้าลอง เพราะรู้สึกว่าสู้คนอื่นไม่ได้”
รูปภาพจาก Luis Villasmil unsplash.com
คนเราชอบการเปรียบเทียบและมักที่จะ “ชั่งน้ำหนักการตัดสินใจ” ก่อนลงมือทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะการติดไตร่ตรองสามารถทำให้คุณคาดคะเนว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเป็นเท่าไหร่ หรือความเสี่ยงที่จะทำสิ่งนั้นคืออะไรบ้าง?
แต่บางครั้ง “ตาชั่ง”ที่คุณใช้กับตัวเองนั้นอาจจะไม่ได้เที่ยงตรง จนเป็นเหตุผลว่าในหลายครั้งคุณให้น้ำหนักกับ “โอกาส” หรือ “ความยุติธรรม” มากเกินไปจนทำให้ไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรสักที
แน่นอนว่าการลงมือทำก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะสำเร็จเสมอไป เพราะในชีวิตจริงความน่าจะเป็นในการที่จะทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จอาจน้อยกว่า 10% จากโจทย์ลอตเตอรี่เสียอีก เช่น สมัครงานในตำแหน่งที่การแข่งขันสูงมาก ๆ เป็นต้น แต่อย่างน้อยการได้ลองเริ่มลงมือทำสิ่งที่คุณได้รับอย่างแน่นอนคือประสบการณ์
และได้โอกาสวัด “ตาชั่ง” ของคุณว่าเที่ยงตรงแค่ไหน หรืออาจได้ฟีดแบคที่ตัวเองสามารถนำมาปรับปรุงตัวเองได้ในอนาคต
เพราะโอกาสและความยุติธรรมเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ในสังคมที่มีปัจจัยอื่น
มาเกี่ยวข้องอย่างมากมาย
แต่การลงมือทำในสิ่งที่คุณตั้งเป้าไว้เป็นสิ่งที่คุณควบคุมได้
ฉะนั้นไม่ว่าสิ่งที่คุณกำลังอยากจะทำคืออะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์นั้นคือการ “เริ่ม” ลงมือทำ
เพราะโอกาสสำเร็จเพียง 10% จากการลงมือทำ ย่อมดีกว่าการเอาแต่โทษถึงความไม่ยุติธรรม แต่โอกาสความสำเร็จเท่ากับศูนย์
ว่าแล้วก็ไปซื้อลอตเตอรี่ดีกว่า (ฮา)
ขอให้สนุกกับการออกแบบชีวิต