อายุเท่าไหร่ที่เราจะมีความสุขในชีวิตน้อยที่สุด?
คุณพ่อของผู้เขียนเมื่อสมัยยังหนุ่มเคยเป็นนักธุรกิจที่ค่อนข้างซีเรียสมากๆ
ความทรงจำที่มีต่อคุณพ่อในตอนที่เป็นเด็ก เวลาเขาทำงานจะเป็นคนที่เสียงดังและจริงจังมาก ในแง่นึงก็ดูว่าเขาค่อนข้างดุ แต่ในอีกแง่นึงที่ผู้เขียนพึ่งมาสังเกตเมื่อย้อนคิดกลับไปก็คือเขาเป็นคนที่ “หัวเราะ” น้อยมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับปัจจุบันคุณพ่อในวัยแปดสิบกว่า ๆ กลายเป็นคุณปู่ที่ใจดีกับหลาน ๆ และเริ่มได้ยินแกหัวเราะบ่อยขึ้นมาก
ในชีวิตของคนเราหากนึกถึงวัยที่มีความสุขที่สุด หลาย ๆ คนคงสามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นชีวิตของเราในวัยเด็ก แต่หากถามกลับว่าวัยไหนมีความทุกข์มากที่สุด? คุณจะตอบว่าอย่างไร?
ผลการวิจัยของ David Blanchflower อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ วิทยาลัย Dartmouth ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งงานวิจัยนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในงานวิจัยที่ใหญ่ที่สุด จากการเก็บผลวิจัยกว่า 500,000 ตัวอย่าง จาก 132 ประเทศทั่วโลก David พบว่าคำตอบจากทั่วโลกนั้นมีความใกล้เคียงกันอย่างน่าประหลาดใจ
วัยที่คนเรามีความสุขน้อยที่สุดในชีวิตโดยเฉลี่ยแล้วคือ 47 ปี ในประเทศพัฒนาแล้ว และ 48 ปีในประเทศกำลังพัฒนา
รูปภาพจาก Luis Villasmil unsplash.com
คำถามคือปัจจัยอะไรที่ทำให้คนในวัยนี้มีความสุขน้อย?
ในด้านร่างกาย ในวัยนี้เป็นวัยที่ร่างกายเริ่มที่จะฟ้อง หรือ มีโรคประจำตัวที่จะอยู่ติดตัวไปตลอดชีวิตที่เหลือ คนในวัยนี้จึงต้องเตรียมรับรู้และปรับการใช้ชีวิตเพื่อรับมือกับโรคเหล่านี้
ในด้านชีวิตครอบครัว คนวัย 40 กลางๆอยู่ในช่วงวัยที่โดนประกบ หรือ เรียกว่าอยู่ในวัย “แซนวิช” คือในด้านหนึ่ง พ่อแม่ของพวกเค้าเริ่มมีอายุจนอยู่ในวัยที่ต้องการความดูแลใกล้ชิด ในขณะเดียวกัน รุ่นลูกของพวกเค้าก็เข้าสู่วัยรุ่นหรือวัย “ต่อต้าน” นอกจากเรื่องของแรงกายที่ต้องทุ่มเทดูแลคนรอบข้างแล้ว จึงทำให้ค่าใช้จ่ายที่ใช้เพื่อดูแลทั้ง 2 ส่วนนี้มักจะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย
ในด้านการทำงาน ถึงแม้ว่ารายได้ของคนวัยนี้จะเริ่มอยู่ในจุดที่ “ลงตัว” กว่าช่วงวัย 20 หรือ 30 แต่ตำแหน่งในองค์กรของคนในวัยนี้มักจะอยู่ในระดับผู้บริหารระดับกลาง แปลว่าพวกเค้าจะมีความรับผิดชอบมากขึ้นในหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมายเดิม แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเริ่มเรียนรู้บทบาทของการเป็นผู้บริหารไปด้วย
ด้วยเหตุผลจากด้านการทำงานนี้เองที่ทำให้คนในวัยนี้เกิดความเครียดสะสม ซึ่งจะกระทบในด้านร่างกายและด้านอื่น ๆ ตามมา
ในด้านเป้าหมายชีวิต วัยดังกล่าวทำให้คุณมีประสบการณ์ชีวิตมากพอที่จะทำให้เห็นภาพว่า “อะไรคือข้อเท็จจริง” ของชีวิต ไปจนถึงการที่สามารถวิเคราะห์ว่าตนเองมีศักยภาพระดับไหน ซึ่งการมองเห็นภาพที่แท้จริงนั้นในหลายครั้งอาจทำให้รู้สึกผิดหวังกับตัวเอง เมื่อเปรียบเทียบภาพที่เคยคาดหวังกับตัวเองเมื่อสมัยที่พึ่งเข้าสู่โลกของการทำงานใหม่ ๆ
อีกทั้งในวัยนี้คนส่วนมากเริ่มรู้สึกถึง “ข้อจำกัด” บางอย่างที่อาจทำให้ความฝันของตัวเองไม่ประสบความสำเร็จ
รูปภาพจาก Pablo Heimplatz unsplash.com
หลายคนมองว่าการเริ่มต้นทำกิจการ หรือความฝันที่ตัวเองมีในช่วงเวลาที่เข้าสู่ 10 – 15 ปีที่เหลือของวัยทำงาน ดูเหมือนจะสายเกินไปที่จะมองเห็นและลงแรงไปกับงานที่คาดหวังว่าจะออกดอกออกผล
อ่านมาถึงตรงนี้คุณอาจคิดว่าแย่ไปหมดเลยใช่ไหม? แต่ในอีกแง่มุมนึง งานวิจัยนี้ก็มีข่าวดีเหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าช่วงวัยนี้จะเป็นช่วงวัยที่ “สุขน้อยที่สุด” ของชีวิต แต่งานวิจัยค้นพบว่าหลังจากนั้น ชีวิตของคนเราเองจะมีความสุขมากขึ้นในแทบจะทุกปีจนกระทั่งสิ้นอายุขัย
สาเหตุก็เป็นเพราะความสามารถในการปรับตัวให้อยู่ร่วมกับโรคได้ ความรับผิดชอบต่อครอบครัวที่ลดลง รวมลูกหลานที่โตขึ้น นอกจากนี้วัยทำงานที่มีประสบการณ์การบริหารที่มากขึ้น ตลอดจนการยอมรับบทบาทหรือเป้าหมายของชีวิตทำให้สามารถใช้เวลาที่เหลือได้อย่างมีความสุขขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นการที่คุณรู้สึกทุกข์กับชีวิตในช่วงวัยสี่สิบกลาง ๆ ไม่ต้องแปลกใจไป เนื่องจากสถานการณ์นี้เองก็เป็นความปกติของวงจรชีวิตที่คนส่วนมากก็ต้องผ่านพ้นไปเช่นกัน
เมื่อรู้ข้อมูลเหล่านี้แล้วการเตรียมตัวเตรียมใจในการยอมรับถึงสิ่งที่เผชิญอยู่หรือกำลังจะตามมาก็อาจจะทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งคำถามสำคัญที่คุณควรถามตัวเองก็คือ คุณสามารถเตรียมการหรือลงมือออกแบบชีวิตอย่างไรให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้อย่างลงตัวที่สุดมากกว่า
ขอให้สนุกกับการออกแบบชีวิต